วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

ขายรถไม่ออก เต็นท์รถมือสองดิ้นหนีตาย

มาตรการรถคันแรกพ่นพิษ เต็นท์รถมือสองดิ้นหนีตาย ล่าสุดผู้ประกอบการกว่า 2 หมื่นรายทั่วประเทศระส่ำหนัก ขายรถไม่ออกเตรียมรวมตัวกดดันรัฐทบทวนใหม่ เสนอดึงรถมือสอง เข้ามาอยู่ในระบบรถคันแรกด้วย ด้านบริษัทประมูลรถแห่ขยายช่องดึงรถมือสอง จากเต็นท์ระบายออกก่อนถูกกดราคาต่ำลงอีก บิ๊ก"สหการประมูล"เสือปืนไวต.ค.นี้เปิดพื้นที่ประมูลรถจากเต็นท์ในต่างจังหวัด จากเดิมประมูลรถที่ถูกไฟแนนซ์ยึดอย่างเดียว เชื่อจะมีรถจากเต็นท์เข้ามาเพิ่มขึ้น 20-30% ด้านคลังดึง"รถคันแรก"ทบทวนใหม่
ผลสืบเนื่องจากมาตรการรัฐกับนโยบายรถคันแรก ของรัฐบาลที่หวังจะช่วยเติมฝันคนอยากมีรถให้สมหวัง ด้วยมาตรการส่วนลดทางภาษี 100,000 บาท สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์คันแรก ทำท่าจะปั่นป่วนขึ้นทุกที เมื่อรัฐบาลจะขยายความจุกระบอกสูบโดยไม่จำกัดซีซี โดยราคารถป้ายแดงจะต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท/คันนั้นยิ่งเป็นแรงกดดันให้ผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองระส่ำหนัก เพราะรถใหม่กับรถมือสองมีเพดานราคาที่แตกต่างกันไม่มาก

- เต็นท์รถดิ้นหนีตาย
นายวิทยา อนุชาชาญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิทอินเตอร์เทรด จำกัด เจ้าของเต็นท์รถรายใหญ่ย่านคลองตัน เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองทั่วประเทศที่มีมากกว่า 20,000 ราย มีรถมือสองอยู่ในระบบมากกว่า 1 ล้านคัน กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังจากรัฐบาลมีมาตรการ"รถคันแรก"ประกาศออกมาก็ทำให้ตลาดเต็นท์รถเงียบเหงาผิดหูผิดตา ไม่มีลูกค้าเดินเข้ามาที่เต็นท์อย่างคึกคักเหมือนเดิม จากที่ปกติจะมีลูกค้าเดินเข้ามาในเต็นท์รถจำนวนมากในช่วงวันศุกร์ วันเสาร์และวันอาทิตย์ จากปัญหานี้ทำให้ผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองทั่วประเทศ วิตกว่านับจากนี้ไปธุรกิจเต็นท์รถหลายรายจะหายไปจากระบบ จึงพร้อมใจกันรวมตัว เพื่อเปิดแถลงข่าวในโรงแรมย่านศรีนครินทร์ขึ้น ในเร็วๆนี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนมาตรการรถคันแรกใหม่ เนื่องจากเวลานี้เต็นท์รถเกือบทั้งหมดมียอดขายรถยนต์มือสองหายไปแล้วตั้งแต่ 50-70%

- เสนอดึงรถมือสองเข้าระบบ
ทั้งนี้นอกจากจะให้รัฐบาลทบทวนมาตรการดังกล่าวแล้ว ผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสอง จะรวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาข้อเสนอของผู้ที่ได้รับผลกระทบดังนี้ 1. หากนโยบายรถคันแรกยังเดินหน้าต่อไปก็ต้องการให้รัฐบาลนำรถมือสองเข้ามาอยู่ในระบบของการลดภาษีรถยนต์คันแรกด้วย เพื่อจะได้เกิดความเป็นธรรมต่อโครงสร้างตลาดรถยนต์ทั้งป้ายแดงและรถมือสอง ขณะที่ภาครัฐบาลก็จะได้เดินตามนโยบายประชานิยมได้อย่างทั่วถึง 2.ถ้ารัฐบาลทำตามข้อแรกไม่ได้ก็ขอให้รัฐบาลชดเชยรถยนต์ที่เต็นท์มีค้างอยู่ในสต๊อก โดยให้ปฏิบัติแบบเดียวกับที่รัฐเข้าไปชดเชยให้กับธุรกิจปั๊มน้ำมัน ที่รัฐเคยเข้าไปลดภาษีน้ำมันมาแล้วหลายครั้ง ไม่เช่นนั้นก็จะเข้าข่ายรัฐเลือกปฏิบัติ

3.ถ้ารัฐไม่สามารถทำได้ทั้งข้อ1และข้อ2 รัฐก็ควรจะลดภาษีสรรพสามิตเฉพาะรถอีโคคาร์หรือรถที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1500 ซีซี เท่านั้น ส่วนรถปิกอัพแค็บก็ให้ลดภาษีสรรพสามิตตามที่ประกาศไว้ ส่วนรถปิกอัพ2ตอนไม่เห็นด้วยที่รัฐจะใช้มาตรการรถคันแรกเพราะเป็นรถที่มีซีซีสูง และไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะมีรถคันแรก

- หวั่นสูญเงินเกินแสนล.
อย่างไรก็ตามขอให้รัฐบาลรีบตัดสินใจในความชัดเจนของนโยบายรถคันแรกให้เร็วที่สุด หลังจากในระหว่างนี้ยังเกิดความสับสน และไม่ชัดเจนอยู่ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่รัฐบาลยังตอบคำถามไม่ได้ว่าจะป้องกันการสวมสิทธิ์อย่างไร และจะป้องกันการโอนลอยอย่างไร นอกจากนี้นโยบายรัฐครั้งแรกระบุรถที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1500 ซีซี ต่อมารัฐให้ออกมาให้ข่าวอีกว่าจะพิจารณา 1600 ซีซีด้วย แต่จะต้องเป็นรถที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท/คัน หากเป็นเช่นนี้ก็แปลว่ารัฐบาลฟังแต่เสียงค่ายรถป้ายแดงโดยที่ไม่ยอมฟังเสียงจากผู้ประกอบการรถมือสองด้วย ทั้งที่มีปริมาณรถมือสองที่อยู่ในเต็นท์รถทั่วประเทศ และเป็นรถที่ไฟแนนซ์ยึดไว้รวมถึงรถที่ซื้อมาและขายไปที่ไม่ได้อยู่ในรูปของเต็นท์รถรวมกันแล้วมีมากกว่า 1 ล้านคัน

สำหรับทางออกของบริษัท วิทอินเตอร์เทรด จำกัด ในช่วงที่ได้รับผลกระทบในระยะสั้นนี้จะใช้กลยุทธ์ดาวน์ต่ำ ขายรถถูกลงตั้งแต่ 40,000-50,000 บาท/คัน สำหรับรุ่นที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1500 ซีซี และถ้าเป็นเครื่อง1600 ซีซี ก็จะลดลงตั้งแต่ 50,000-60,000 บาท/คัน และจะให้ดาวน์ต่ำ 0% จากเดิมรถมือสองจะให้ดาวน์ตั้งแต่ 5-10%

"น่าเป็นห่วงนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล เพราะรัฐบอกว่าใช้งบประมาณในวงเงินไม่เกิน30,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลไม่ได้มองว่าเงินที่เชื่อมโยงกับไฟแนนซ์ กับเต็นท์รถ และกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่าง กลุ่มอู่เคาะ พ่นสีรถ อุปกรณ์รถ ตรงนี้รวมกันแล้วเสียหายมากกว่าโดยในระยะ 1 ปีที่มีมาตรการรถคันแรกคาดว่าจะสูญเสียเม็ดเงินไปเกิน 100,000 ล้านบาท"

- บริษัทประมูลเด้งรับรถเต็นท์
ด้านนายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทสหการประมูล จำกัด กล่าวว่าในช่วงที่รัฐบาลเดินมาตรการรถคันแรกยอมรับว่าผู้ประกอบการเต็นท์รถต่างได้รับผลกระทบทำให้สหการประมูลสนใจที่จะช่วยเต็นท์รถระบายรถในสต๊อกออกมาโดยผ่านการประมูลโดยบริษัทสหการประมูลฯจะได้หัวคิวหรือค่าธรรมเนียมและค่าดำเนินการประมูลคันละ 7,000 บาท/คัน และเต็นท์รถจะได้กำไรลดลงจากที่เคยขายเองได้กำไรประมาณ 20% ก็จะลงมาเหลือประมาณ 10% ซึ่งจะได้กำไรลดลงแต่ก็ยังดีกว่ารถแช่อยู่ในเต็นท์และราคาต่ำลงไปเรื่อยๆ โดยสหการประมูลจะเปิดให้เต็นท์รถเอารถมาขายผ่านในลักษณะประมูลรถ และสหการประมูลจะมีสินเชื่อให้คนที่มาซื้อรถด้วย

อย่างไรก็ตามบริษัทสหการประมูลฯมีโครงการจะเปิดประมูลทั่วประเทศในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยพื้นที่สหการประมูลในต่างจังหวัดจะเปิดให้รถจากเต็นท์รถมือสองเข้ามาประมูลด้วย จากเดิมในพื้นที่ต่างจังหวัดจะประมูลรถที่ถูกไฟแนนซ์ยึดมาเท่านั้น ส่วนในพื้นที่การประมูลที่สำนักงานใหญ่เหน่งจ๋ายและที่สหการประมูล รังสิตคลอง8 2 แห่งนี้จะเป็นรถที่มาจากเต็นท์รถมือสองเพียง 10% และ80-90% เป็นรถที่ไฟแนนซ์ยึดมา ,รถผู้บริหารและรถเช่าเข้ามาประมูล และเชื่อว่าในระยะ 1 ปีที่มีนโยบายรถคันแรกออกมาจะทำให้เต็นท์รถแห่เข้ามาโดยผ่านการประมูลเพิ่มขึ้นจาก10% เป็น 20-30% "

- ระบายสต๊อกก่อนราคาร่วง
นายเอกพิทยากล่าวอีกว่าขณะนี้รถมือสองจะมีราคาถูกลงตั้งแต่ 5-10% โดยส่วนหนึ่งมาจากที่ทุกไตรมาสสี่ของแต่ละปีจะมีการปรับราคารถลงมาเพื่อที่ว่าเตรียมตีราคารถมือสองในปีถัดไป แต่ปีนี้มีเหตุผลอื่นประกอบเพิ่มเข้ามาอีก เช่น กรณีปัญหาน้ำท่วม ทำให้เจ้าของรถบางรายต้องการขายรถทิ้ง ขณะที่รัฐบาลก็เดินมาตรการรถคันแรกทำให้รถมือสองถูกลงกว่าเดิม โดยลดราคาลงมาแข่งขันกับรถป้ายแดง รวมถึงจะมีรถโมเดลใหม่เข้ามา เต็นท์รถมือสองจึงรีบระบายรถเก่าออกมาก่อน ซึ่งปัจจุบันจะมีรถเก่าหรือรถมือสองที่อยู่ในระบบรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.8 ล้านคัน จำนวน 1ใน3 หรือ 1ใน4 จะอยู่ในเต็นท์รถ ขณะที่ยอดขายรถใหม่ป้ายแดงของไทยมีปริมาณปีละ 700,000-800,000 คัน หรือคิดเป็น 30% ของปริมาณรถมือสอง โดยในปีที่ผ่านมา มีรถมือสองผ่านสหการประมูล 40,000 คัน สหการประมูล มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด ประมาณ 65% อันดับสอง แอพเพิล จากญี่ปุ่น ส่วนแบ่งตลาด 20% อันดับสาม แมนไฮมม์ จากอเมริกา ส่วนแบ่ง 10% อันดับสี่จะเป็นแบรนด์อื่นๆ ประมาณ 5%

- แอพเพิลจ่ออัดแคมเปญแรง
นายเชาวลิต กาญจนนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ประมูลรถยนต์ กล่าวถึงการปรับตัวของแอพเพิล ได้มีการเตรียมกลยุทธ์เพื่อรองรับกับนโยบาย ด้วยการจับมือกับสถาบันการเงิน-ไฟแนนซ์ต่างๆ เพื่อจัดทำแคมเปญและข้อเสนอทางการเงิน อาทิ ลดต้นลดดอก โดยคาดว่าจะได้เห็นแคมเปญดังกล่าวในช่วงเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนั้นแล้วก็จะมีการนำรถออกไปประมูลนอกสถานที่มากขึ้น มีการตกแต่งรถให้มีสภาพดี ลดราคาลงมา และทำแคมเปญแรงๆเพื่อดึงดูดผู้บริโภค และคาดว่าในอนาคตลูกค้าจะได้เห็นข้อเสนอทางการเงินอาทิ ดอกเบี้ย 0% จากเดิมที่ดอกเบี้ยรถมือสองจะอยู่ที่ประมาณ 4.6% และมีการแจกกิฟต์เวาเชอร์เพื่อกระตุ้นทั้งลูกค้าที่มาร่วมประมูลรถ รวมไปถึงลูกค้าที่นำรถเข้ามาจำหน่ายกับแอพเพิลก็จะได้รับสิทธิเช่นเดียวกัน โดยปัจจุบันแอพเพิลมีช่องทางในการนำรถเข้ามาประมูล 4 รูปแบบคือ 1.จากสถาบันการเงิน คิดเป็น 60% 2.บริษัทรถเช่า 20% 3.เต็นท์รถทั่วไป มากกว่า 10% 4.ลูกค้าทั่วไป 9-10%

- นำรถเต็นท์ประมูลไม่คุ้ม
ด้านนายประเสริฐ ไตรมณีพงศ์ ผู้จัดการเต็นท์รถพีเอ็มคาร์เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า มีประสบการณ์ในธุรกิจขายรถมือสองมา 16 ปี ที่ผ่านมาขายรถได้ต่อเดือน 17-18 คัน พอนโยบายรถคันแรกออกมาขายรถได้ไม่ถึง10 คัน ส่วนที่มีบริษัทประมูลรถออกมาเสนอตัวเปิดช่องให้มีการนำรถเต็นท์ไปผ่านการประมูลนั้น

ผู้ประกอบการเต็นท์รถส่วนใหญ่ไม่หวังกับการขายผ่านการประมูลมากเพราะจะขาดทุนค่าดอกเบี้ย ขาดทุนกำไร ซึ่งอาจจะไม่คุ้มเพราะมีค่าโอน ค่าขนย้าย แต่ผู้ประกอบการเต็นท์รถบางรายที่มีสายป่านสั้นก็อาจจะสนใจเนื่องจากไม่ต้องการให้เงินมาจมอยู่นาน จึงยอมได้กำไรเล็กน้อยดีกว่าขาดทุนจึงนำรถจากเต็นท์ไปขายผ่านระบบการประมูล

"มาตรการรถคันแรกกำลังจะกลายเป็นปัญหาสังคม ยิ่งถ้าให้มีการดาวน์ถูก ก็ยิ่งทำให้เกิดปริมาณรถที่ถูกยึดมากขึ้น เพราะจะมีเด็กที่เพิ่งเรียนจบใหม่ต้องการถอยรถใหม่ สุดท้ายก็แบกภาระไม่ไหวก็กลายเป็นภาระของรัฐบาล เป็นเงินภาษีของประชาชนที่ถูกนำไปละเลง"

-ดึง"รถคันแรก"ทบทวนใหม่
อย่างไรก็ตามจากปัญหาดังกล่าว ล่าสุดนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งถอนวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา เพื่อทบทวนเรื่องมาตรการคืนเงินรถคันแรกที่ให้กรมสรรพสามิตได้กลับไปทบทวนมาตรการดังกล่าวใหม่

ทั้งนี้ ที่ต้องถอนวาระกลับมาพิจารณาใหม่ เนื่องจากไม่ต้องการให้สิทธิกับรถประกอบในต่างประเทศ และมี 2-3 เรื่องที่จะแก้ไขเพิ่มเติม ทั้งเรื่องรถยนต์นำเข้า รุ่น ขนาด การผ่อนไฟแนนซ์ รวมถึงเรื่องเงินบางส่วน และไม่ควรจำกัดทางเลือก เรื่องรุ่นแหล่งที่มาและขนาด

"เนื่องจากไม่ต้องการที่จะให้สิทธิกับรถยนต์ที่ประกอบในต่างประเทศ เพราะต้องการสนับสนุนผู้ผลิตรถยนต์ที่มีการตั้งโรงงานผลิตและประกอบในประเทศมากกว่าที่จะเปิดทางให้รถประกอบนอกเข้ามาให้ได้รับการสนับสนุนด้วย"

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เหตุผลที่กระทรวงการคลัง ยังไม่มีการนำเสนอรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมตามโครงการรถยนต์คันแรกเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวานนี้ เป็นเพราะเอกสารและข้อมูลยังไม่ครบถ้วนเพียงพอที่จะให้ครม. สามารถสรุปรายระเอียดที่ชัดเจนได้ในขณะนี้ จึงต้องกลับไปทบทวนใหม่ แต่คาดว่าน่าจะนำเสนอเข้า ครม.ในสัปดาห์หน้า

ขอบคุณข้อมูลข่าวจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,674
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=85692:2011-09-28-03-21-47&catid=85:2009-02-08-11-22-45&Itemid=417