วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ตลาดรถเดือนเม.ย.ยังพุ่งติดต่อกัน 20 เดือน

     โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงยอดขายรถยนต์ในประเทศที่รวบรวมจากผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศทุกราย ประจำเดือน เม.ย. มียอดขายรถทุกประเภท รวมทั้งสิ้น 67,283 คัน เพิ่มขึ้น 17.8% นับเป็นยอดขายสูงสุดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 20 แต่คาดยอดขายของเดือนพ.ค.จะมีแนวโน้มลดลงจากการปรับลดการผลิตของค่ายรถ ญี่ปุ่นและสต๊อกที่ลดลงของผู้จำหน่าย

     นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์เดือนเมษายน 2554 เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ว่า มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 67,283 คัน เพิ่มขึ้น 17.8% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 30,953 คัน เพิ่มขึ้น 17.8% รถเพื่อการพาณิชย์ 36,330 คัน เพิ่มขึ้น 17.7% ซึ่งรวม รถกระบะขนาด 1 ตัน ที่มียอดขาย 31,272 คัน เพิ่มขึ้น 20.8% โดยอัตราการเติบโตในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่เพิ่มขึ้น 17.8% นับเป็นสถิติใหม่ และเป็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 20 แม้ว่าในช่วงปลายเดือนค่ายรถจากประเทศญี่ปุ่นต้องปรับลดกำลังการผลิตลงกว่า ครึ่งหนึ่งก็ตาม

     สำหรับตลาดรถยนต์นั่งที่มี ปริมาณการขาย 30,953 คัน หรือเพิ่มขึ้น 17.8% เป็นผลจากความนิยมอย่างต่อเนื่องของรถยนต์นั่งขนาดเล็กและรถยนต์ประหยัด พลังงาน ด้านตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 36,330 คัน เพิ่มขึ้น 17.7% นั้น เป็นการเติบโตจากปัจจัยความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจ ที่ดีขึ้น

     สำหรับตลาดรถยนต์ในรอบ 4 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณการขายรวมทั้งสิ้น 305,902 คัน สูงสุดเป็นสถิติใหม่ของยอดขายสะสม 4 เดือนแรก ด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 36.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 48.2% ขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์เติบโตเพิ่มขึ้น 28.4% ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ดีทั้งจากการขยายตัวในภาคการลงทุน การผลิต และการส่งออก รวมทั้งเป็นผลจากการที่ผู้ซื้อรถ สามารถเข้าถึงสินเชื่อเพื่อการเช่าซื้อรถยนต์ได้มากขึ้น เนื่องจากมีสถาบันการเงินได้เสนอ รูปแบบสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อรถยนต์มือสองที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งเอื้อต่อการตัดสินใจซื้อ ตลอดจนความนิยมอย่างต่อเนื่องในรถยนต์รุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์นั่ง

     สำหรับตลาดรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม มีแนวโน้มที่คาดว่าจะลดลง จากสาเหตุที่ค่ายรถญี่ปุ่นได้ปรับลดกำลังการผลิตตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง ซึ่งมียอดจำหน่ายรวมกันมากกว่า 85% ของตลาดรวมในประเทศ และจากสาเหตุที่สต๊อกรถยนต์ของผู้แทนจำหน่ายลดลงมาก หลังจากการส่งมอบรถในเดือนเมษายน

ข่าววันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2011