วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

ตัวชี้วัดว่าจะจัดไฟแนนซ์หรือรับจำนำทะเบียนรถยนต์ผ่านธนาคาร ผ่านหรือไม่ผ่านมีด้วยกัน6ตัว(6C)

ทุกวันนี้เรามักจะได้ยินบ่อยครั้งว่าถูกปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์เพราะติด Black list หรือ เครดิตบูโร แล้วจริงหรือที่ข้อมูลที่เก็บในเครดิตบูโรเป็นตัวตัดสินการขอสินเชื่อ วันนี้เราจะมาค้นหากันว่า การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรถมือสองในแต่ละครั้ง สถาบันการเงินใช้ปัจจัยใดบ้าง ในการพิจารณา ก่อนจะอนุมัติ หรือปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์มือสองนั้นๆ อะไรคือ ตัวชี้วัดว่า เครดิตของผู้ขอสินเชื่อรถ ดีเพียงพอสำหรับการให้เงินกู้, เพิ่มวงเงิน หรืออนุมัติ บัตรเครดิต ทุกครั้งในการขอสินเชื่อ สถาบันการเงิน จะให้ผู้ขอสินเชื่อกรอกใบสมัครขอสินเชื่อ เอกสารประกอบ และหนังสือยินยอม เพื่อใช้ในการเรียกดูข้อมูลเครดิตของผู้ขอสินเชื่อ ในเบื้องต้นสถาบันการเงิน มักใช้ข้อมูลจากทั้ง ใบสมัครขอสินเชื่อของผู้ขอสินเชื่อ จากเอกสารประกอบ และข้อมูลจากเครดิตบูโร เพื่อเป็นเอกสารอ้างอิงประกอบการตัดสินใจว่า ผู้ขอสินเชื่อจะเป็นลูกค้าที่เมื่อรับเงินกู้ไปแล้ว จะมีความสามารถในการจ่ายคืนได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งสถาบันการเงินเกือบทุกรายมักจะใช้หลัก 6 Cs ในการประเมินเครดิตของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่ง 6 Cs ที่ว่านี้ประกอบด้วย
1. Character หรือ Credit Reputation
คือ คุณลักษณะหรือวินัยในการใช้และการชำระสินเชื่อในอดีต ซึ่งบอกถึงการรักษาสัญญาในการใช้สินเชื่อ การชำระหนี้ตรงเวลาหรือไม่อย่างไร การจัดการกับสินเชื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีปัญหาสะดุดทางการเงิน ได้ติดต่อสถาบันการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาได้ดีอย่างไร ซึ่งคุณลักษณะในปัจจัยนี้ก็จะได้มาจากรายงานของเครดิตบูโร
2. Capacity
คือ ความสามารถในการจ่ายชำระหนี้คืน เป็นต้นว่า ผู้ขอสินเชื่อมีงานการที่มั่นคงหรือไม่และมีอายุการทำงานมานานเท่าไรใน บริษัทที่ทำอยู่ในปัจจุบัน รายได้เพียงพอต่อหนี้สินที่มีอยู่หรือไม่ ความสามารถของผู้ขอสินเชื่อที่จะสามารถชำระหนี้ได้ในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งปัจจัยในข้อนี้แสดงถึงความมั่นคงของรายได้ที่จะนำมาชำระหนี้ในอนาคต
3. Capital
คือ เงินทุน หรือสินทรัพย์ หรือเงินฝากของผู้ขอสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสินเชื่อที่ใช้เพื่อการประกอบธุรกิจจะให้ความสำคัญใน ปัจจัยนี้มาก สถาบันการเงินจะพิจารณาเฉพาะเงินทุนหรือสินทรัพย์ของผู้ขอกู้ในขณะที่ พิจารณาสินเชื่อนั้นๆ แม้ว่าเงินทุน หรือสินทรัพย์ หรือเงินฝากจะไม่ใช่แหล่งของเงิน ที่สถาบันการเงินคาดหวังว่า จะได้รับการชำระจากแหล่งเงินเหล่านี้ก็ดี แต่แหล่งเงินทุนนี้จะเป็นแหล่งเงินสำรองสำหรับการชำระหนี้ของผู้กู้ในกรณี ที่เกิดปัญหากับรายได้ของผู้กู้ขึ้น
4. Conditions
คือ ปัจจัยที่เป็นเงื่อนไขอื่นที่มีผลกระทบต่อรายได้ เป็นต้นว่าเศรษฐกิจ อาชีพ หรือเงื่อนไขในการกู้ ตัวอย่างเช่น ในสภาวะของเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้รายได้สุทธิลดลง ซึ่งจะมีผลต่อความสามารถในการชำระ ซึ่งสถาบันการเงินก็จะต้องคำนึงถึงสิ่งนี้ในการพิจารณาสินเชื่อ อาชีพบางอาชีพมีความมั่นคงในรายได้ และการงาน เช่น การรับราชการ การกู้ร่วมก็เป็นเงื่อนไขหนึ่งในการพิจารณาสินเชื่อเช่นกัน
5. Collateral
คือ หลักประกันที่เป็นทรัพย์สินซึ่งผู้กู้จะนำมาจำนำทะเบียนรถยนต์ หรือจำนองเพื่อให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจและลดความเสี่ยงหากผู้ขอสิน เชื่อไม่ชำระหนี้ตามกำหนด ก็สามารถนำมาขายทอดตลาดได้ตามที่กฎหมายกำหนด อาทิเช่น สินเชื่อที่อยู่อาศัย เป็นต้น ซึ่งการให้สินเชื่อประเภทนี้ก็มักจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ
6. Common Sense
คือ ปัจจัยที่สถาบันการเงินใช้ในการพิจารณาสินเชื่อว่า ผู้ขอสินเชื่อจะใช้สินเชื่ออย่างสมเหตุสมผลและจะไม่เป็นการก่อร่างสร้างหนี้ จนเกินตัว หรือไม่มีเหตุผลที่จะต้องมีสินเชื่อที่ขอเพิ่ม อาทิเช่น การมีบัตรเครดิตจำนวนหลายใบ ถึงแม้จะไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระ หรือการใช้บัตรในแต่ละใบเลยก็ตาม การพิจารณาของสถาบันการเงินอาจมองว่าไม่มีเหตุผลที่จะให้บัตรเครดิตอีกใบ เพิ่ม เพราะอาจทำให้สร้างหนี้จนเกินตัว หรือได้ไปก็ไม่ใช้ก็เป็นได้ ดังนั้น หากผู้ขอสินเชื่อมีบัตรเครดิตหลายใบและไม่ได้ใช้วงเงินสินเชื่อดังกล่าว ก็ควรที่จะแจ้งยกเลิกและปิดบัญชีเสีย อย่างนี้จึงจะ Make Sense
ให้กู้หรือไม่ให้กู้ ?
มา ถึงบางอ้อแล้ว คงจะเห็นภาพแล้วว่าสถาบันการเงินให้กู้หรือไม่ให้กู้ด้วยปัจจัยอะไรบ้าง เพื่อหาคำตอบเพียงคำตอบเดียวที่ว่า ผู้ขอสินเชื่อจะมีความสามารถชำระเงินกู้ได้หรือไม่ และจะยังมีความสามารถในการชำระแม้จะมีปัญหาสะดุดในบางโอกาส สุดท้ายนี้ นอกจากรายได้ ซึ่งบอกให้เห็นถึงความสามารถในการชำระ ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาสินเชื่อ ที่ผู้ขอสินเชื่อซึ่งอาจมีเพิ่มขึ้นได้ในอนาคตแล้วนั้น ประวัติในการชำระสินเชื่อ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่แสดงถึง วินัยทางการเงินของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องรักษา และสร้างได้ เพราะอนาคตในปีนี้จะเป็นอดีตในปีหน้า ซึ่งจะเป็นประวัติของเราต่อไป ที่ย้อนเวลากลับมาแก้ไขไม่ได้ เราจึงควรทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ที่มา : นิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์